ธุรกิจบ้านจัดสรรได้รับความนิยมจากประชาชนจริงหรือ ?

ในปัจจุบันที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่มีส่วนสำคัญต่อการดำรงชีวิดของมนุษย์ เนื่องจากครอบครัวต้องการมีที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นที่ใช้อยู่ร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว จึงกล่าวได้ว่า บ้านเป็นจุดศูนย์รวมของคนทุกคนที่คิดจะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และด้วยเหตุนี้ ธุรกิจบ้านจัดสรรลลิล พร็อพเพอร์ตี้จึงได้เกิดขึ้นและได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างกว้างขวาง แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อที่อยู่อาศัยจะต้องใช้ความพิถีพิกันและคิดพิจารณาถึงความพึงพอใจในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยนั้นๆร่วมด้วย ดังนั้นจากการที่ความต้องการที่อยู่อาศัยมีมากขึ้นจึงเกิดธุรกิจบ้านจัดสรรขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว แต่เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยหรือบ้านจัดสรรจะต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก ทำให้มีหลายหน่วยงานของรัฐเข้าไปดูแล โดยมีกฎหมายและข้อบังคับเป็นเครื่องมือในการกำกับดูแลผู้ประกอบการและผู้บริโภค เพื่อให้การประกอบกิจการบ้านจัดสรรเป็นไปอย่างมีจริยธรรมทางธุรกิจ ซึ่งผลบวกของกฎหมายดังกล่าวนี้ ทำให้มีการสร้างบ้านจัดสรรและมีการจัดสรรที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสร้างความเป็นธรรมในการซื้อขาย 

บ้านจัดสรร คือ สถานที่หรือบริเวณที่ผู้จัดสรรหรือเจ้าของโครงการไปสรรหาที่ดินมาจัดแบ่งหรือจัดสร้างหมู่บ้าน โดยมีการยื่นขออนุญาตจัดสรรแบ่งแปล่งที่ดินสำหรับลงทุนปลูกสร้างบ้าน แล้วแบ่งขายให้กับผู้ที่สนใจจะซื้อรวมถึงยังมีพื้นที่ต่างๆ รอบบริเวณโครงการที่ปลูกสร้างให้ผู้ที่เข้ามาอยู่ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยมีสาธารณูปโภคส่วนกลาง เช่น ถนนสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ พนักงานรักษาความปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งตกเป็นภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินจัดสรทุกแปลงซึ่งผู้จัดสรรหรือเจ้าของโครงการ มีหน้าที่บำรุงรักษา จัดการดูแลโดยมีสิทธิเรียกเก็บคำใช้จ่ายจากผู้อยู่อาศัย การที่ผู้เข้าอยู่อาศัยในโครงการบ้านจัดสรรของแต่ละโครงการแล้วก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่โครงการนั้นๆ ได้ระบุเอาไว้ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นการรบกวนต่อเพื่อนบ้านหรือผู้อยู่อาศัยท่านอื่นๆ 

การเลือกซื้อบ้านจึงกลายเป็นจุดมุ่งหวังใหญ่ในชีวิตของคนจำนวนมาก สำหรับคนที่ไม่มีทุนทรัพย์เหลือเฟือ และไม่มีเวลาควบคุมดูแลการออกแบบก่อสร้างเอง ดังนั้น การเลือกซื้อบ้านจัดสรรจึงกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ ที่อยากเอามาครอบครองเป็นของตนเองสักหลัง